ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจริงๆ สำหรับ 808 Festival ปี 2024 ที่ในปีนี้จัดขึ้นที่ ไบเทค บางนา ในระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคมที่ผ่านมา ผลตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานอย่างล้นหลาม ว่าเป็นปีที่ดีไปทุกอย่างทั้งระบบการจัดการ,จอ เทคนิค แสง สี เสียง ที่เรียกได้ว่าพัฒนาเพื่อเอาใจผู้เข้าร่วมงานขั้นสุด ที่สำคัญคือไลน์อัปดีเจที่ไม่เป็นสองรองเทศกาลดนตรีสายแดนซ์แห่งไหนในโลกแล้ว งานโปรดักชั่นก็เรียกได้ว่าวิจิตรตระการตามากกว่าปีก่อนๆอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะงาน Lighting ที่มีทั้งแสง Backlight ด้านหลังเวที, บนพื้นเวที, ด้านข้างทั้งซ้ายขวาของเวที รวมถึงแสง Spotlight จำนวนมากด้านบน โดยแสงที่ใช้ในงานก็มีทั้งแสงกระพริบแบบ Strobe Lighting, แสงเลเซอร์ รวมถึงการใช้แสงในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามจังหวะของบีทที่ดีเจแต่ละคนเปิด ซึ่งทำให้ทุกคนสัมผัสได้เลยว่าดนตรีเต้นรำเหมือนมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ส่วนความกว้างของเวทีก็มีขนาดใหญ่มากๆ ยิ่งมองจากทางด้านหลังแล้วจะเห็นได้ถึงความยิ่งใหญ่ของจอ LED ด้านหลังเวทีที่สร้างงานวิชวลได้อย่างงดงามจริงๆ และเพื่อให้สมกับเป็นการฉลองการจัดงานเป็นครั้งที่ 11 ทาง ผู้จัดงานได้เนรมิตให้ห้อง BITEC Convention Center กลายเป็นแดนฟลอร์ขนาดมหึมา พร้อมกับใช้ศักยภาพของจอ LED ขนาดยักษ์บนเวทีดีเจได้อย่างเต็มศักยภาพสูงสุด ส่วนขนาดของเวทีที่กว้างกว่าร้อยเมตรถือว่ายิ่งใหญ่อลังการจนต้องร้องว้าวออกมาดังๆขึ้นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น ในขณะที่แดนฟลอร์ก็รองรับขาแดนซ์ทั้งชาวไทยและต่างชาติได้วันละเหยียบหมื่นคน รวม 3 วันแล้วคาดว่าน่าจะมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนหลายหมื่นชีวิต ทำให้ 808 Festival ขึ้นแท่นเป็นเทศกาลดนตรีเต้นรำร่วมสมัยที่มีผู้ชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การจัดงาน Dance Festival ในประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งหมดนี้ถือเป็นการลงทุนไปเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อรองรับรูปแบบของโชว์และแนวเพลงแดนซ์แต่ละแนวที่แตกต่างกันออกไปของศิลปินให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด ส่วนระบบเสียงเนี้ยบกริบสุดๆในทุกย่านเสียง เรียกได้ว่าคมกริบทุกบีทและทุกเมโลดี้จริงๆไม่ว่าจะแดนซ์กันอยู่ ณ จุดไหนตั้งแต่หน้าเวทีไปจนถึงด้านหลังสุด ในส่วนของไลน์อัปงานในปีนี้มีการจัดทัพดีเจตัวเทพมาให้แฟนๆได้ชื่นใจอย่างเต็มอิ่มตลอดทั้ง 3 วันประเดิมวันแรกด้วยเซ็ตเพลงของ Alok ดีเจหนุ่มระดับท็อปของวงการเพลง EDM ในบราซิลเปิดเพลงในแนว ดีป เฮาส์, ฟิวเจอร์ เบส ไปจนถึง ฮาร์ด สไตล์ ปิดท้ายวันแรกด้วยเซ็ตของ Sara Landry ดีเจสาวชาวอเมริกันที่หวดขาแดนซ์ด้วยบีทของดนตรี ฮาร์ด เทคโน เสริมทัพคืนแรกด้วย ดีเจหนุ่มชาวดัตช์ San Holo เปิดเพลงในจังหวะมันๆของ แทรป และ ฟิวเจอร์ เบส ที่มิกซ์กับ โปรเกรสซีฟ เฮาส์, เทคโน เฮาส์ และ เบรก บีท ได้อย่างสนุกมือด้วย Energy ที่ล้นเหลือ ต่อกันด้วยเซ็ตของ Miss Monique สุดยอดดีเจสาวชาวยูเครนที่ผสมผสานเพลงแนว โปรเกรสซีฟ เฮาส์ และ เมโลดิก เทคโน ได้อย่างเร้าใจให้เต้นแบบไม่ต้องพักกันจนจบงาน ในคืนวันที่สอง James Hype ดีเจหนุ่มชาวอังกฤษนำดนตรี แทรป, ฮาร์ด สไตล์, ยูโร แดนซ์, เบรก บีท ไปจนถึง ดับสเต็ป มากระหน่ำแดนฟลอร์ได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะเทคนิคการ Scratching อย่างรวดเร็วสไตล์ดนตรีฮิปฮอป และการคัทบีทที่ทั้งเป๊ะและสนุกมือสุดๆ ด้าน Chase & Status ก็ทำให้เวทีลุกเป็นไฟด้วยเซ็ตเพลงแดนซ์ที่มีบีทที่รุกเร้ารวดเร็วรุนแรงไม่ว่าจะเป็น ดรัม แอนด์ เบส, บิ๊ก บีท, เบรก บีท ที่มาพร้อมกับกลิ่นอายของดนตรีดับ (Dub) และ แอฟโฟร บีท ที่ทั้งหลอนและล่องลอยไปในเวลาเดียวกัน ปิดท้ายโชว์ของคืนวันที่สองด้วยเซ็ตเพลงจาก The Outlaw โปรเจกต์ใหม่แกะกล่องของ DJ Snake ที่ยืนพื้นด้วยดนตรี ดับสเต็ป และ ฮาร์ด เทคโน โดยโชว์ของ The Outlaw โดดเด่นด้วยการนำดนตรี Industrial Sound มามิกซ์กับดนตรี ฮาร์ด เทคโน และ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโน สุดล้ำเอาไว้ในเซ็ตได้อย่างเร่าร้อนและหนักหน่วงตลอดทั้งโชว์ ส่วนโชว์ก็นับได้ว่าเป็นไฮไลท์ของเวทีหลักในวันที่สองจริงๆ เพราะงานโปรดักชั่นบนเวทีมีการยกกรงมาล้อมรอบบูธดีเจเอาไว้ ส่วนงาน Visual และ Lighting ก็เข้ากับสไตล์ดนตรีของ The Outlaw มากๆ ส่วนโชว์ที่ถือเป็นคืนวันที่2 กับศิลปินสุดฮอตที่แฟนชาวไทยอยากเจอ Mau P ดีเจหนุ่มและโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วจากการนำเสนอสิ่งใหม่ๆที่ไม่เหมือนใครจากเพลงของเขาในแนว house และ tech-house ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เสิร์ฟเซตความมันไม่หยั่ง และ 4B ดีเจดาวรุ่ง ที่มากระหน่ำเวทีอย่างเดือดกันเลย อีกหนึ่งไฮไลท์ในคืนวันสุดท้ายของงานคือเซ็ตเพลงของ ZEDD ดีเจและโปรดิวเซอร์เพลงแดนซ์ระดับแถวหน้าของโลก โดยเซ็ตเพลงของ ZEDD ในครั้งนี้เอาใจแฟนคลับด้วยงานเพลงของตัว ZEDD เองที่มิกซ์เข้ากับดนตรี เมโลดิก เฮาส์, เบรก บีท และ ป็อป แดนซ์ ได้อย่างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดเพลงแดนซ์แบบป็อปในช่วงเบรกดาวน์ โดยเพลงที่เรียกกรี๊ดจากแฟนๆได้มากที่สุดของโชว์ก็คือ Titanium ของ David Guetta feat. SIA ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเพลงชาติของวงการเพลงแดนซ์ร่วมสมัยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2011 โชว์ของ Anyma ดีเจหนุ่มชาวอิตาเลียน/อเมริกัน เรียกได้ว่าคุ้มค่าสมกับที่ทุกๆคนรอคอย หรืออาจจะคุ้มค่าเหนือกว่าที่รอคอยเลยก็ว่าได้ เพราะมันดีกว่าที่คิดเอาไว้หลายเท่าจริงๆโดยการแสดงสดของ Anyma ถูกออกแบบมาเพื่อสร้าง Visual Landscape ที่ทั้งคลาสสิกและทันสมัยในเวลาเดียวกัน โชว์ของ Anyma ใช้เทคโนโลยีและงานศิลปะในยุคดิจิตอลมาประกอบกับดนตรี เมโลดิก เฮาส์ และ เทคโน ได้อย่างตระการตามากๆ เรียกได้ว่าถ้างานวิชวลของ Anyma เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง นี่คืองาน Fine Art หรือว่างานวิจิตรศิลป์ที่เกิดขึ้นได้บนบูธดีเจจริงๆโดยโชว์ของ Anyma แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของงานโปรดักชั่นของงาน 808 Festival ปีนี้ได้อย่างเต็มที่e ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดของงานวิชวลสไตล์หุ่นยนต์แห่งโลกอนาคตที่อยู่บนจอ LED ขนาดยักษ์หลังเวทีได้อย่างสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก ในส่วนของงานแสงสีก็มาครบทั้งแสงเลเซอร์, สปอตไลท์, ไฟกระพริบ ซึ่งมาจากทุกทิศทางจริงๆ ที่น่าทึ่งก็คือแสงสีสุดตระการตาเหล่านี้เข้ากันกับดนตรีแดนซ์ในสไตล์ของ Anyma ได้อย่างเพอร์เฟกต์ ชนิดที่เรียกได้ว่าอยากจะให้คะแนนซักพันนึงจากเต็มสิบไปเลย ในส่วนของเวที2ที่ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าเวทีหลัก แต่ก็สร้างความมันได้ดีไม่แพ้กันจนไม่รู้ว่าจะแยกร่างเสพความเดือดกันยังไงดี โดยเวทีรองเหมาะสำหรับขาแดนซ์ที่ชื่นชอบดนตรีเทคโนหนักๆ ซึ่งระบบเสียงก็รองรับบีทของดนตรีแนวนี้ที่ทั้งหนักหน่วงรุนแรงและสวยงามด้วยเมโลดี้ของดนตรี เฮาส์ ไปจนถึง แทรนซ์ ได้เป็นอย่างดี โดยในวันเสาร์เวทีเล็กเสิร์ฟความมันมาในคอนเซ็ปต์ We Rave You ที่นำทัพโดยสุดยอดดีเจเทคโนชาวเยอรมัน Klangkuenstler ที่เปิดเพลง ฮาร์ด เทคโน ได้อย่างเดือดตลอดทั้งโชว์จนพื้นแทบจะละลายกลายเป็นลาวาไปเลย ส่วนคืนวันที่สองและเป็นวันสุดท้ายของงาน คอนเซ็ปต์ของเวที2มีชื่อว่า Drumcode เพราะได้ Drumcode Records ค่ายเพลงแนวเฮาส์, เทคโน และ แทรนซ์ ระดับแถวหน้าของประเทศสวีเดนมารับหน้าที่จัดเซ็ตเพลงจากเหล่าดีเจชั้นนำตั้งแต่ช่วงบ่ายไปจนถึงดึกไม่ว่าจะเป็น SEESOUNDS, MARIE VAUNT, MASSANO รวมถึงเซ็ตเพลง เทค เฮาส์ และ แทรนซ์ เมโลดี้สวยๆตามสไตล์ของดีเจ Adam Beyer ซึ่งเป็นเจ้าของค่าย ก่อนจะปิดโชว์บนเวทีเล็ก Drumcode ด้วยเซ็ตเพลงในแบบ เทคโน แทรนซ์ ที่ล่องลอยอย่างสวยงามในทุกบีทของดีเจ Bart Skils ถึงแม้ว่าจะเป็นเวทีรองแต่โอกาสที่จะได้ดูเต้นไปตามจังหวะเพลงแดนซ์ของเหล่าดีเจชั้นนำของยุโรปของเวที Drumcode ในไทยไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ และคอนเซ็ปต์ของเวทีนี้ในทั้งสองวันก็สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงทุกคนจริงๆ โดยไลน์อัปดีเจที่มีดีไม่แพ้ Dance Festival ระดับโลกหลายๆงานของเวทีนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ไม่ธรรมดาของงาน 808 Festival ที่สั่งสมความสำเร็จมาตลอด 10 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสร้างเครดิตที่ทำให้เหล่าดีเจระดับแถวหน้าของโลกเหล่านี้ได้มีโอกาสมาเปิดเพลงที่กรุงเทพฯ สมศักด์ศรีงานEDM อันดัน1ของไทย อันดับ2แห่งเอเชีย! ความคึกคักและความสนุกสนานที่มีให้เห็นในทุกตารางนิ้วทำให้งาน 808 Festival ปี 2024 ได้รับคำชมจากทุกๆคนที่มาร่วมงานอย่างเป็นเอกฉันท์ การันตีได้ด้วยคอมเมนต์ในสเตตัส 808 Festival Thank You ที่ทางผู้จัดขอขอบคุณแฟนๆทุกคนที่มาร่วมงานในปีนี้ โดยแต่ละคอมเมนต์ไปในทิศทางเดียวกันว่านี่คืองาน 808 Festival ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดกันมาเลยก็ว่าได้ ปิดงาน 808 Festival 2024 ปีนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่ปิดฉากงานได้อย่างครบถ้วนกระบวนความจริงๆคือความประทับใจของทุกคนที่มาร่วมงาน แอบได้ยินมาว่ามีหลายคนที่สนุกกันแบบติดลมบนกันจนไม่อยากจะกลับบ้านกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่ากระแสตอบรับจากผู้ร่วมงานนับได้ว่าดีมากจนเกินความคาดหมายจริงๆ ถ้าจะให้สรุปกันแบบสั้นๆก็คือใครที่ไม่ได้มางาน 808 Festival ปี 2024 ถือว่าพลาดมาก แต่ถึงแม้ว่าจะพลาดไปแล้วก็ยังมีโอกาสให้แก้มือใหม่ในปีหน้า ซึ่งรับรองได้ว่าจะสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นได้อีกแน่นอน ขออย่างเดียวคือคราวหน้าห้ามพลาดเป็นอันขาด ปีหน้าเตรียมตัวเตรียมใจเตรียมชุดเตรียมรองเท้ากันเอาไว้ให้ดีๆตั้งแต่ต้นปีกันไปเลย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะมาร่วมกันหวดความมันกันกับไลน์อัปดีเจที่รับประกันความเทพที่มีดีไม่แพ้ปีนี้อย่างแน่นอน...แล้วเจอกันใหม่ในเดือนธันวาคมปีหน้า!