สรุปทุกประเด็นหลัง “กามิน” ร่ำไห้เปิดใจยันมีฟ้องแล้ว 5 รายปัดพูดไทยหลอกง่าย

จากกรณีที่เน็ตไอดอลสาว จี กามิน อดีตคนสนิทของ แน็ก ชาลี ได้ออกมาเปิดเผยว่า เตรียมจะเดินทางมาที่เมืองไทย เพื่อต้องการจะพิสูจน์ความจริง หลังจากเคยตกเป็นประเด็นดราม่า จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก

ล่าสุดวันนี้ 6 พ.ย. 2567 กามิน ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมกับทนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ณ โรงแรม Grand Four Wings Convention ศรีนครินทร์ โดยมีล่ามไทยเป็นคนช่วยแปลภาษาให้ โดยเผยว่า

กามิน : “จริงๆ ไม่อยากให้มาถึงเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ต้องออกมาปกป้องตัวเอง ปกป้องครอบครัว และทุกคนที่รัก ต้องการออกมาพูดความจริง ให้ทุกคนได้ทราบว่าอะไรที่ไม่ใช่ความจริงบ้าง ตอนที่มาเมืองไทยครั้งแรก คือช่วงเดือนมกราคม ตอนนั้นมีความสุขมากๆ และดีใจที่หลายคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ได้ทำงานแบบมีความสุขมากและสนุกสนานมาก”

กามิน : “มีปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสารบ้าง เพราะไม่เข้าใจภาษาไทย แต่ทุกคนใจดี ช่วยพยายามในการทำความเข้าใจ เลยสามารถเข้าใจกันได้ บรรยากาศในการทำงานก็รู้สึกมีความสุข สนุกสนานตลอดเลย ทุกคนใจดีมาก โดยเฉพาะครอบครัวและทีมงานที่ทำงานร่วมกัน ก็เป็นคนที่อบอุ่นและคอยดูแลอย่างดี ในส่วนของรายได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ได้รับการจัดสรรโอเค ดีมาก”

กามิน : “ช่วงที่มาทำงานในไทย ช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน ก็จะอยู่โรงแรม แต่ส่วนมากก็อยู่ที่สตูดิโอ แล้วก็ที่บ้านของทางฝั่งคนที่เคยทำงานร่วมกัน ซึ่งครอบครัวก็ให้การดูแลและให้การต้อนรับเป็นอย่างดีตลอด ทุกคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอมา จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกขอบคุณมากๆ อยู่ตลอดค่ะ”

กามิน : “เรื่องการพักที่โรงแรม เป็นความจริงที่เคยพักที่โรงแรมค่ะ แต่ไม่ได้เป็นคนจองเอง ทางบริษัทของคนที่เคยร่วมงานเป็นคนจองให้ ซึ่งการเข้าออกโรงแรมทุกครั้ง ทางบริษัทก็สามารถตรวจสอบได้ตลอด ว่ามีใครเข้าออกวันไหน เพราะทางโรงแรมมีกล้องวงจรปิด และฉันไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีคีย์การ์ดของโรงแรม คนที่จองก็มีคีย์การ์ดเหมือนกัน แต่หากฉันจะนัดพบกับคนอื่นจริงๆ ก็จะไม่นัดพบที่โรงแรมนี้ค่ะ เพราะไม่ได้จองเอง และไม่ใช่ฉันคนเดียวที่มีคีย์การ์ดด้วย เพราะฉะนั้นข่าวต่างๆ ที่ออกมา ก็ไม่ใช่ความจริง ค่ะ”

กามิน : “ส่วนข่าวที่บอกว่าติดเหล้า จริงๆ แล้วฉันเป็นคนที่สามารถดื่มเหล้าได้ค่ะ ตอนที่อยู่เกาหลีก็ดื่มกับครอบครัวและเพื่อนๆ เพื่อสังสรรค์ แต่ตั้งแต่มาไทย แทบไม่ดื่มเลย อาจจะมีบ้างเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ไม่ได้ดื่มบ่อยถึงขั้นนั้น และฉันไม่เคยดื่มเหล้าขณะทำงานเลยค่ะ”

กามิน : “เรื่องค่าจ้างของงานอีเวนต์ต่างๆ จริงๆ แทบจะไม่ทราบเลย ส่วนมากจะไม่ทราบเลย ว่าทางผู้ว่าจ้างจะมีการจ้างจากบริษัท เพื่อว่าจ้างฉันเท่าไหร่ ฉันได้รับมากจากทางบริษัท ก็จะทราบแค่ตรงส่วนนั้นค่ะ ทุกครั้งที่ได้รับ ก็รู้สึกพอใจกับค่าจ้าง และรู้สึกขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ในเรื่องของภาษี คือค่าจ้างที่ได้รับจากบริษัท จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วค่าจ้างที่เข้าบัญชี จะต้องมีการจ่ายภาษีที่เกาหลีด้วยอีกทีหนึ่งค่ะ”

กามิน : “ข่าวที่บอกว่าได้รับค้าจ้างจากการไลฟ์ 1-2 ล้านบาท ตรงนี้ไม่ใช่ความจริงค่ะ (ถ้ามีคนจ้างไลฟ์ 1 ล้านบาท เราได้เต็มเลยไหม?) สำหรับการไลฟ์ 1 ครั้งแล้วได้ 1 ล้านบาท อันนี้ก็เป็นข่าวที่ฉันเพิ่งเคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะ อยากบอกอีกครั้งว่าไม่ใช่ความจริงค่ะ จริงๆ รู้สึกขอบคุณทุกคนมากๆ ที่คิดว่าฉันสามารถที่จะไลฟ์ครั้งหนึ่งได้ 1 ล้านบาท”

กามิน : “เรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้ จริงๆ วันนั้นตอนแรกอยู่ที่สตูดิโอ แล้วก็ออกไปช็อปปิ้งกับล่าม แล้วก็กลับไปที่สตูดิโอ แล้วก็กลับไปบ้านที่ไฟไหม้ พร้อมกับผู้จัดการ พอไปถึงก็ได้กลิ่นไหม้ พอขึ้นไปชั้น 3 ก็ได้กลิ่นไหม้ขึ้นเรื่อยๆ เพราะห้องที่ไฟไหม้อยู่ที่ชั้น 3 ตอนนั้นเป็นตอนกลางคืน คือเปิดเข้าไปก็จะเห็นว่ามีการไหม้อยู่ที่ห้อง แต่ว่าไฟได้ดับเรียบร้อยแล้ว คือบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับฝ่ายนั้นค่ะ”

กามิน : “ถามทรัพย์สินมีค่าที่สุดในบ้านนั้น ที่เราเห็นคืออะไร ก็ได้ยินมาว่าอาจจะมีของสำคัญหรือว่าของมีค่า แต่ว่าฉันก็ไม่ค่อยทราบเหมือนกัน โดยเฉพาะชั้น 3 จริงๆ เท่าที่เห็น ก็ไม่ทราบว่ามีของมีค่าไหม เพราะไม่ใช่บ้านของฉัน ไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ และไม่ทราบจริงๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือเป็นอุบัติเหตุอะไรสัก อย่างค่ะ”

กามิน : “คำพูดที่ว่าคนไทยหลอกง่าย ฉันไม่เคยพูดและไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย เพราะฉันได้รับความรักมากมายจากคนไทยที่ประเทศไทย เพราะฉะนั้นฉันจะกล้าพูดประโยคแบบนี้ต่อคนไทยได้ยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวนี้มาจากที่ไหน แล้วก็อยากทราบเหมือนกันว่ามันมาจากที่ไหนค่ะ (คิดว่าเขาต้องการอะไร?) ฉันคิดว่าถ้ามีคนที่พูดประโยคนั้นจริงๆ ว่าฉันเป็นคนพูดว่าคนไทยหลอกง่าย ก็น่าจะไปถามคนที่พูดดีกว่า เพราะสำหรับฉันแล้ว ฉันไม่เคยพูดและไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย และไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดประโยคนั้น ในสถานการณ์นั้นกับ ใครเลยค่ะ”

กามิน : “ส่วนคำพูดที่ว่าฉันเป็นสก๊อยเกาหลี สุวรรณมาลี อีดีที และอีกมากมายในโซเชียล จริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยทราบความหมายของคำพวกนั้นเลย เพิ่งได้มาทราบในช่วงใกล้ๆ นี่เอง และไม่เคยบอกให้พ่อแม่ฟังเลยว่ามันแปลว่าอะไร แม้ท่านจะเคยถาม เพราะกลัวท่านเสียใจเหมือนที่ฉันเสียใจค่ะ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงมีการใช้คำพูดที่รุนแรงขนาดนั้นกับฉัน ฉันไม่ทราบว่าฉันได้ทำผิดอะไรที่ใหญ่มหันต์ขนาดนั้น ถึงต้องโดนใช้คำพูดเหล่านั้น ค่ะ”

กามิน :“เรื่องที่บอกว่ามีการรวมตัวกับครอบครัว เพื่อตั้งแก๊งอาชญากรรม และฟอกเงิน ยืนยันว่าครอบครัวของฉันและตัวฉัน ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย และพวกเราไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋น ไม่ใช่อาชญากร และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมอะไรที่เกาหลีเลยค่ะ ฉันเรียนเต้นมาตั้งแต่มัธยม แล้วก็ไปเรียนต่อในด้านการเต้นโดยเฉพาะ เพราะฝันอยากเป็นครูสอนเต้น แล้วก็เคยทำงานเกี่ยวกับมิวสิคัลประมาณ 5-6 ปี และทำกิจกรรมการแสดงต่างๆ เกี่ยวกับการเต้นทาง KBS ประมาณ 1 ปี ความฝันของฉันคืออยากสร้างครอบครัว อยากเป็นแม่คน และอยากมีชีวิตที่มั่นคง เลยจะไปเป็นครูสอนเต้นค่ะ เพื่อจะได้ดูแลครอบครัวได้อย่างมั่นคง”

กามิน :“ตั้งแต่กลับเกาหลีไปในเดือนสิงหาคมจนถึงวันนี้ ฉันไม่เคยพูดว่าร้ายใครเลย จริงๆ การออกมาวันนี้ ก็ไม่ได้มาเพื่อพูดว่าร้ายใคร และไม่เคยมีการพูดคำหยาบ อะไรแบบนี้เลยค่ะ”

ข่าวต่างๆ ที่ออกมาส่งผลกระทบอะไรกับครอบครัวเราบ้าง?
กามิน : “ตอนที่มีข่าวออกมาเกี่ยวกับคอมเม้นต์แย่ๆ เยอะๆ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งแต่ว่าก็รู้ว่าเราเป็นคนธรรมดาคนนึงก็รู้สึกเสียใจ ที่มีคำหยาบคาย พี่ชายกามินก็เป็นข้าราชการที่เกาหลีตอนนั้นมีการลาพักร้อนมาหนึ่งเดือนเพื่อที่จะมาดูแลสภาพจิตใจน้อง โดยเฉพาะ”

ข่าวตั้งแต่เดือนสิงหามาจนถึงปัจจุบันที่เราเห็นยังมีการเผยแพร่อยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า?
กามิน : “มีอยู่ตลอดและรู้สึกว่าจะมีมากขึ้นด้วยค่ะ”

สุดท้ายแล้วมีอะไรอยากจะพูดกับพี่ๆ ทั้งเอฟซีหรือคนที่ดูวันนี้ไหม?
กามิน : “การที่มาที่เมืองไทยก็มีความรู้สึกหลายอย่างที่ได้เรียนรู้ แล้วก็ไม่มีอะไรนอกจากคำขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณทุกคนที่รักและแฟนๆ และพี่ๆ นักข่าวทุกคนในวันนี้นะคะ รู้สึกว่าทุกคนให้ความรักและรู้สึกรักคนไทยจริงๆ รู้สึกขอบคุณมากๆ ที่คอยให้ความรักและความอบอุ่น มาตลอด”

ทนายพรชัย : “จริงๆเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ควรเดินมาถึงวันนี้ถ้าคุณกามินเดินทางออกจากประเทศไทยไปเกาหลีแล้วทุกอย่างควรจะต้องจบลงไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ด้านใดไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด เพราะเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนเท่านั้น แต่มีบุคคลอื่นที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องราวต่างๆ กล่าวหาใส่ร้าย ใช้คำพูดหยาบคายดูหมิ่นเกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้หญิงที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย มีบางกลุ่มที่ใช้สถานะทางสังคมที่เหนือกว่าสร้างความเกลียดชังทางสังคมให้คนส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องของคนสองคนเท่านั้นเองทำให้ชื่อเสียงการทำงานทุกสิ่งทุกอย่างลงสลายหมดเพราะคำพูดของบุคคลบางคนเท่านั้นเองครับ ผมเองในฐานะทนายความคุณกามินอยากจะบอกให้ทราบว่าคนทุกคนที่สร้างวาทะกรรมแปลกๆ ออกมาตั้งแต่ต้นทุกคนจะได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกันทางกฎหมายทุกคนครับ”

ทนายณพกฤต : “อีกประเด็นที่อยากจะแถลงนิดนึง มีข่าวว่าคุณการินเข้ามาฟ้องคนไทยด้วยกันผมอยากจะกราบเรียนสื่อมวลชนให้ทราบว่าทุกคนแม้เป็นคนไทยหรือคนต่างชาติที่เข้ามาในเมืองไทยจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทยทุกคน ไม่มีใครที่จะสามารถมาทำให้เกิดความเสียหายชื่อเสียงเกียรติยศกับคนที่เข้ามาอยู่ภายใต้เมืองไทยและกฎหมายไทยได้ครับ ฉะนั้นจึงทำให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ลักษณะการเข้ามาฟ้องคนไทยแต่คุณกามินเข้ามารักษาสิทธิ์ของเขาที่ถูกผู้กระทำความผิดทำให้เขาได้รับความเสียหายและเขาได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาในวันนี้เพื่อพิสูจน์ความจริง ให้ทุกคนรับฟังว่าไม่ใช่ฟังความข้างเดียวอันนี้ให้คุณกามินได้แถลงความจริงวันนี้ให้ทุกคนได้ทราบว่าถ้าฝั่งคุณกามินรู้สึกยังไง ความจริงเป็นอย่างไรและทุกคนที่พูดแยกแยะให้ถูกผิดชอบชั่วดีไม่ใช่พูดเอามันปากอย่างเดียว ถ้าพูดมันปากก็จะได้รับสิทธิ์ตามกฏหมายตามขั้นตอนต่อไปการเข้ามาในวันนี้คุณกามินเขาเข้ามาพิสูจน์ความจริงของเขาโดยถูกตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่างครับ”

ตอนนี้มีคนที่จะได้รับการดำเนินตามกฏหมายนี้หรือยัง? ทนายพรชัย : “มีแล้วครับ เรายังไม่สามารถระบุรายละเอียดในที่นี้ได้แต่มีการดำเนินการทางกฎหมายแล้วครับ ในเบื้องต้นตอนนี้มี 5 คนครับ มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลครับ
ทนายณพกฤต : “แล้วก็จะตามมาอีกหลายคนครับ”

คู่กรณีถูกดำเนินการตามกฏหมายด้วยไหม?
ทนายพรชัย : “คู่กรณีตอนนี้ยังไม่มีครับแต่อยู่ในส่วนของการพิจารณาถ้าอะไรที่มีการก้าวล่วงกันก็ต้องอยู่ในส่วนของการพิจารณาครับ”

อะไรทำให้กามินเจ็บช้ำน้ำใจจนต้องออกมาพูดวันนี้? กามิน : “วันนี้ออกมาเพราะว่า อยากปกป้องตัวเองและครอบครัวและคนที่ตัวเองรัก อยากออกมาเพื่อพูดความจริงวันนี้เลยออกมาค่ะ”

พอจะเปิดเผยสาเหตุกับคู่กรณีได้ไหมว่าอะไรที่ทำให้ตัดขาดกัน?
กามิน : “คิดว่าจริงๆ แล้วคนทั่วไปก็จะมีความเข้าใจที่แตกต่างกันได้บ้าง โดยเฉพาะสำหรับดิฉันและฝั่งท่านนั้น อาจจะมีเรื่องของภาษาที่ไม่เข้าใจกัน อาจจะมีเรื่องนิสัยเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่มีความไม่เข้าใจในเรื่องของความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะทำให้การอยู่ด้วยกันแล้วมันมีปัญหาจนต้องเลิกกัน (ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาดีไหม?) ในการคบกันจริงๆ ความรู้สึกไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ใหญ่เลย อาจจะเป็นในส่วนของตัวเองที่ ไม่เข้าใจด้านภาษาไทยเลยทำให้มีความไม่เข้าใจกันบ้างแต่สำหรับตัวเองแล้วเขาไม่ได้ แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ใหญ่”

คนรอบข้างมีส่วนทำให้เกิดปัญหาไหม?
กามิน : “ไม่ได้มีเรื่องของบุคคลอื่นที่เป็นเหตุทำให้เลิกกัน จะเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจเล็กๆ น้อยๆ มากกว่าที่ทำให้เลิกกัน สำหรับตัวเองพยายามอย่างเต็มที่มาตลอดเลย จริงๆ ทางนั้นก็เห็นถึงความพยายามของเขามาตลอดคอยดูแลและช่วยเหลืออย่างอบอุ่นอย่างดีมากๆ อย่างเต็มที่มาตลอด แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความไม่เข้าใจเล็กๆ น้อยๆ อย่างเดียว”

รู้จักกันในสถานะไหนแฟนผู้ร่วมงานหรือเป็นลูกจ้างในบริษัทเขา?
กามิน : “สำหรับตัวเองแล้วความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับฝั่งท่านนั้น มีความรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกระหว่างคู่รักด้วยกันค่ะ”

ได้เงินเป็นรายเดือนหรือต่อชิ้นงาน?
กามิน : “ได้รับเป็นทุกเดือน รายเดือนทุกวันที่ 1 สำหรับตัวเองแล้วไม่ได้มีปัญหาในเรื่องการได้รับค่าจ้างแต่ละเดือนเลย ทางฝั่งนั้นดูแลเป็นอย่างดีมากๆแล้ว” อะไรที่ทำให้ตัดสินใจกลับเกาหลี? กามิน : “ตอนนั้นเพราะว่าได้รับข้อความที่เป็นข้อความให้เลิกกัน สำหรับตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ได้มีทางเลือกอื่นนอกจากการกลับไปที่ประเทศเกาหลี (ข้อความจากไหน?) เป็นข้อความจากบุคคลท่านนั้นที่เคยทำงานด้วยกัน”

วันนี้ความรู้สึกกามินกับบุคคลท่านนั้นคืออะไร?
กามิน : “สำหรับความรู้สึกกามินที่มีต่อบุคคลท่านนั้น ตอนนี้จริงๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกในแง่ลบเลย พยายามคิดถึงแต่เรื่องดีๆ แง่ดีๆ ตลอด”

เขาได้ให้เหตุผลในการส่งข้อความนั้นมาไหม?
กามิน : “อาจจะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆที่มีปัญหาหลายอย่างอาจจะเป็นเรื่องของความรู้สึกหรือเปล่า ก็แค่ได้รับข้อความมาอย่างเดียวก็แค่นั้น
เป็นเรื่องของการหึงหวงหรือเปล่า? กามิน : “คิดว่าไม่น่าจะเกิดจากความหึงหวงอะไร แค่น่าจะต่างฝ่ายต่างมีความเข้าใจไม่ตรงกันการเข้าใจกันได้ยาก อาจจะไม่มีความสามารถในด้านนี้ที่จะปรับให้เข้าใจกันได้ดีขึ้นรู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการหึงหวง”

เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้กามินคิดสั้น? กามิน : ร้องไห้

ทนาย : “มันอาจจะเป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง”
 
เรื่องที่จะดำเนินการทางกฎหมายข้อหาอะไร?
ทนาย : “เป็นเรื่องของการหมิ่นประมาท พ.ร.บ. คอม”

จะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่? ทนาย : “ดำเนินการไปแล้วครับ”

แสดงว่ากามินต้องบินกลับมาอีก?
ทนาย : “คงอีกหลายเดือนครับ”

ที่ผ่านมามีความรักจริงๆ เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาคนมักพูดว่าคู่เราเป็นคู่คอนเทนท์? กามิน : “สำหรับกามินเป็นความรักที่จริงใจ”

รู้สึกยังไงกลับมามีคนพร้อมซัพพอร์ตและให้กำลังใจเรา ภูมิใจกับตรงนี้ยังไงบ้าง? กามิน : “ขอบคุณมากๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ขอบคุณมากๆ ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่าขอบคุณจริงๆ ปัจจุบันยังไม่สามารถจะกลับมาทำงานที่ไทยได้ แต่จากที่มาก็ยังได้รับการสนับสนุน แต่สภาพจิตใจดีกว่านี้ ก็อาจจะคิดดู อีกที ”  

หลังออกมาพูดแล้วสภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?
กามิน : “กามินเลือกที่จะตอบในเรื่องของการขอบคุณอย่างเดียว หลังมาแถลงข่าวครั้งนี้รู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณพี่ๆ นักข่าวมากๆ ขอบคุณทุกคนจริงๆ รู้สึกคนไทย ตลอด”

รู้สึกอยากติดต่อไปหาคู่กรณีหรือเปล่า หลังจากที่ตัดสินใจแยกจากกัน? กามิน : “นิสัยกามินที่ตัดสินใจเลิกแล้ว ก็จะเลิกโดยใสสะอาด วันที่ตัดสินใจเลิกคือตัดสินใจกลับไปที่เกาหลีเลย”  

ฝั่งนั้นยังมีติดต่อมาบ้างหรือเปล่า?
กามิน : “มีการติดต่อมาจากท่านนั้นบ้าง แต่ไม่รู้ว่าต้องการติดต่อมาเพื่ออะไร เพราะกามินไม่ได้ตอบข้อความกลับ”
กามินถูกข่มขู่ด้วยเรื่องบางอย่างด้วยจริงหรือไม่?
กามิน : “มีข้อความข่มขู่กามินและครอบครัวจริงๆ แล้วก็มีข้อความแบบนั้นเข้ามาอยู่ตลอด มากสุดในช่วงเดือนกันยายน” ทนาย : “มีการตั้งค่าหัวในโซเชียล มีเยอะหลายข้อความ ทางเราจะพิจารณาต่อไป ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ ที่พบตอนนี้ 2-3 ข้อความ ในคอมเมนต์”    กามิน : “ไม่ได้มีปัญหาอะไรติดค้าง และได้เลิกกันใสสะอาดแล้ว ได้รับข้อความที่จะต้องแยกกัน ก็ได้มีการอำลาแบบสั้นๆ เพราะกะทันหัน กับท่านนั้นไม่ได้มีการอำลา”
 
ทนาย : “ส่วนคดีแม่ตั๊กกามินไม่ได้จะมาชี้แจง เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ” 
 
กามิน : “ขอบคุณท่านนั้นสำหรับทุกอย่าง ขอให้ทานข้าว มีความสุข” 
 
กามิน : “ในเรื่องภาษี เงินที่ได้รับมาแต่ละเดือน ทางบริษัทจะมีการหักภาษีณที่จ่าย เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นภาษีที่ประเทศไทยมีการชำระเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ประเทศเกาหลีจะดำเนินจ่ายในปีหน้า”