ร่างกายกลับมาแข็งแรงดีขึ้นตามลำดับแล้ว สำหรับพระเอกชื่อดัง เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ที่พร้อมกลับมารับงานแบบเต็มตัวหลังจากที่หายจากวงการบันเทิงเพื่อไปรักษาตัว โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน แถมตอนนี้กลับรับงานได้ขึ้นแท่นพิธีกรรายการ คุยแช่บShow แต่เจ้าตัวยอมรับว่าตัดสินใจนานเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ทางถนัดของตนเลย เพราะตนจะถนัดแนวฮาร์ดทอล์ก คุยเรื่องการเมืองมากกว่า
ล่าสุด 16 ส.ค 67 “หนุ่มเอส”ได้มาร่วมงานแถลงข่าว Miss Wellness World Thailand 2025 ก็ได้มาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงการมาเป็นพิธีกรหลังจากกลับมารับงานแบบเต็มตัว พร้อมกับเปิดใจถึงเรื่องพินัยกรรมที่ทำไว้ก่อนที่จะมีการเข้ารับการผ่าตัดใส่เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติว่า
เป็นอย่างไรบ้างกับการเป็นพิธีกรของเรา หลังจากกลับมาแบบเต็มตัว?
“ตัดสินใจนานมากเหมือนกัน อย่างรายการคุยแซ่บโชว์ ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 3-4 เดือน กว่าผมจะตอบตกลงกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่นัดทานข้าว 2-3 ครั้ง กว่าผมจะตัดสินใจได้ก็ต้องไปศึกษาทำการบ้านหาข้อมูล รายการดีมากๆ แต่ตัวผมเองจะเหมาะสมกับรายการหรือเปล่า เพราะผมเป็นคนชอบถามคำถามที่เจาะลึกละเอียด เราจะไม่ค่อยถามคำถามเกี่ยวกับครอบครัวของเขา หรือคำถามที่เป็นเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ อันนี้ผมจะไม่ถนัดแต่พอดีได้คุยกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บอกว่าในมุมที่ผมมา ผู้ใหญ่อยากจะให้เอามุมผมไปเพิ่มไปปรับเป็นมุมสไตล์ของผมเลย
เป็นรายการวาไรตี้ ต้องปรับเยอะไหม?
“ผมดูคลิปรายการคุยแซ่บโชว์ประมาณ 40 กว่าคลิป ที่ผมตัดสินใจมาเพราะผมดูแล้วมันไม่เหมือนสไตล์ผมเลย (หัวเราะ) แต่พอมันเป็นฮาร์ดทอล์ก ผู้ใหญ่ให้เอามุมของผมลองไปอะแด็ปดู เพื่อที่ผู้ชมจะได้รับชมรับฟังในมุมที่อาจจะไม่ค่อยได้ฟังของรายการนี้ด้วย ถ้าสังเกตตัวผมเป็นคนชอบคิดก่อนที่จะถาม นอกเหนือจากสคริปต์ จะมีคำถามที่อยากจะถามจริงๆ ผมก็เลยรู้สึกว่ารายการนี้ น่าจะเป็นรายการที่ผมรู้สึกว่าน่าจะชอบมากขึ้นไปเรื่อยๆ”
ต้องปรับตัวกับพิธีกรร่วมด้วยไหม เพราะพิธีกรค่อนข้างจะเปลี่ยนไปคนละวัน?
“ต้องปรับตัว (ยิ้ม) (ใครรับมือยากสุด?) ไม่ใช่เลยครับ ทุกคนดีหมด แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่บอก คือให้เราพูดให้เร็วขึ้นหน่อย อย่าพูดทางการมาก ข้อเสียของผมคือยังเปิดรายการไม่ได้ตามสไตล์ที่รายการเป็น จนอันที่ 2 ที่ 3 ผมบอกว่าไม่กล้าเปิดตัวขอดูเพื่อนๆ เปิดตัวก่อนได้ไหม เวลาพูดส่งกัน พิธีกรคนหนึ่งก็จะมีบุคลิกอีกแบบ อีกคนก็อีกแบบ
ผมเป็นคนที่ไม่กล้าขัดคนอื่นพูด ซึ่งผมก็ปล่อยให้เขาพูดไปเรื่อยๆ แล้วผมมาดู เอ้าอันนี้ที่ผมต้องพูดแล้วหนิ แต่เขายังพูดไม่จบแล้วผมจะทำอย่างไรดี มีช่วงหนึ่งที่แอบยกมือ (หัวเราะ) แต่กล้องไม่ได้หันมาที่ผม ทางพี่ๆ ทีมงานบอกว่ารายการเราไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้เหมือนรายการของผมที่พูดทางการ ใส่ได้เลย เน้นเอ็นเตอร์เทน ความสนุก ซึ่งอันนี้เป็นรอบที่ 2-3 แล้วที่ถ่าย ซึ่งผู้ใหญ่ก็บอกว่า เห็นแนวทางในการที่ผมอะแด็ปให้เข้ากับธีมของรายการมากขึ้นแล้ว”
เพื่อนร่วมงานช่วยอย่างไรบ้าง?
“เพื่อนร่วมงานแต่ละท่านที่ช่วยกัน คือ ให้กำลังใจ (หัวเราะ) และมีการได้มาพูดคุยกันว่าทำอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะขอให้เขาเปิดรายการ เพราะผมเปิดจะเป็นรายการคุยการเมือง เดี๋ยวผมต้องฝึกตัวเองอีกนิดนึง ให้เปิดอย่างไรให้มันเอนเตอร์เทนได้”
เริ่มชินกับความแซ่บหรือยัง? “เริ่มชินกับความแซ่บมากขึ้น อย่างอันแรกที่พี่เขาบอกว่าให้พูดมากขึ้น ให้พูดแทรกได้เลย ซึ่งผมเป็นคนไม่กล้าทำแบบนั้น ซึ่งพี่เขาบอกว่าทำได้เลย ก็เลย เอ๊ะ ไม่รู้จะทำอย่างไร พิธีกรบางท่านจะมีสไตล์ไม่เหมือนกัน หลายท่านส่วนใหญ่ ระหว่างที่เขาพูดแล้วแขกรับเชิญกำลังถาม แล้วเขาก็ส่งสายตาก็รู้เลยว่าส่งสายตาอันนี้คือรอให้ผมพูดต่อ อันนี้รู้เลยว่าเข้าขากัน ซึ่งผมก็ทำประมาณเดียวกัน”
จริงๆ ได้คุยกับดีเจพุฒ (พุฒิชัย) ไหม ด้วยความที่เราสองคนได้มาทำหน้าที่แทนพิธีกรชายคนเดิม มีความกดดันไหม? “อันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย คนแรกที่ผมมาซ้อมก่อนที่จะเริ่มอัดจริงๆ ด้วยคือดีเจพุฒ แล้วเข้าขากันมากๆ สไตล์ใกล้เคียงกัน คือพูดไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ พูดช้าๆ ประมาณหนึ่ง”
ก่อนหน้านี้พิธีกรชายก็คือ พีเค (ปิยะวัฒน์)?
“อันนี้ต้องบอกว่าผมไม่ทราบจริงๆ ครับ แล้วไม่ได้โกหกหรืออะไรด้วย เพราะทุกคนน่าจะทราบว่าผมป่วยไปแล้ว (หัวเราะ) ความจำในอดีตหายไปหมดเลย รายการนี้ก็เลยไม่ทราบด้วย และผมไม่ทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้มีพิธีกรท่านไหนบ้าง เลยไม่สามารถตอบได้จริงๆ”