รู้จัก “มาดามนารา”MUT13 ดีกรี CEO​ ดูไบ -นางงามม้ามืด!

ขณะที่การประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์(MUT) กำลังเข้มข้นเพราะใกล้ถึงรอบตัดสินแล้ว และมีนางงามหลายคนขึ้นชื่อว่าเป็นตัวเต็งกันแล้ว แต่ปรากฏว่ายังมีดาวเด่นที่มีลุ้นว่า น่าจะเป็นม้ามืดมาแรงแซงโค้ง เพราะจากการโชว์ในหลายรอบที่ผ่านมา “ภีมนารา เพชรขวัญ เด โรซ่า” MUT13 ตรัง ก็ได้รับการชื่นชมว่าทำดีทำถึงและดูโดดเด่น ทั้งการประชันชุดในชาเล้นจ์ Creation Ball กับคอนเซ็ปต์ The Beauty of Future ซึ่งนาราก็ปังในคอนเซ็ปต์ “ซูเปอร์โนวาแห่งจักรวาล” หรือแม้แต่การเป็นการพรีเซ้นต์ใต้น้ำที่สามารถลืมตาร่ายลีลาและอยู่ในน้ำได้นานสุดๆ

เมื่อส่องดูโปรไฟล์ นารา-ภีมนารา ก็ไม่ธรรมดา! เพราะว่าเป็นถึง CEO ของบริษัทใหญ่ ADR Studio แถมเป็นมาดามที่สามีชาวอิตาเลียนอย่าง คุณโทนี่(Antonio De Rosa) มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบ Concept design เทคโนโลยีและโทรศัพท์มือถือ เช่น Apple iWatch, iPhone M1, และ Tesla Pi Phone ที่สำคัญเธอยังมีดีกรีอดีตนางแบบและนักแสดงที่เคยมีผลงานละครหลายเรื่อง อาทิ เจ้าหญิงแตงอ่อน, แม่ผัวตัวร้ายสะใภ้ตัวแสบ ทางช่อง7 และการเดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อร่วมประกวดนี้ นาราเปิดใจว่ามาทำตามความฝันของตัวเองสักครั้งในชีวิต

“การมาครั้งนี้นาราทำตามความฝันของตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันไม่เพียงแต่ให้ความหมายกับชีวิตเรา แต่ยังเติมเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนชีวิตในการทำสิ่งอื่นๆ ต่อไป นาราเชื่อในช่วงจังหวะเวลาชีวิตที่เหมาะสม และตอนนี้คือเวลาที่ดีที่สุดในการทำตามความฝัน ... นารามีบริษัทของตัวเองและทำงานอยู่ที่ดูไบ วันที่มีการประกาศให้ผู้หญิงที่แต่งงานและไม่จำกัดอายุสามารถเข้ามาประกวดได้ หัวใจของนาราเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลายคนสงสัยว่าทำไมนาราจึงมาประกวด ทั้งที่มีชีวิตที่ดีแล้ว นาราว่าการมีธุรกิจและมีเงินอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ความสุขที่แท้จริงมาจากการได้ทำตามความฝัน นาราเชื่อว่าการตามหาความฝันของเราเป็นสิ่งที่ให้ความหมาย และจุดมุ่งหมายที่แท้จริงให้กับชีวิต เมื่อเราทำในสิ่งที่รักและหลงใหล มันจะเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่และเปิดโอกาสให้เราได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นด้วย...นารามาในฐานะตัวแทนของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว นาราเชื่อว่าผู้หญิงสามารถเป็นได้ทุกอย่าง ทั้งเจ้าของธุรกิจ แม่บ้าน และนางงาม นาราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีเหตุผล และหนึ่งในเหตุผลที่นารามายืนอยู่ตรงนี้ คือการเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนที่ยังสงสัยในตัวเองและยังไม่กล้าทำตามความฝัน นาราอยากบอกทุกคนว่าแค่คุณเริ่ม คุณก็ชนะแล้ว”

ทั้งนี้ นารา ยังบอกด้วยว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เธอรู้สึกว่าชนะแล้วในด้านการก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่รักและมีความสุข ก็ต้องขอบคุณสามี ครอบครัว และเพื่อนๆ ที่ให้กำลังใจและสนับสนุนให้เธอทำเพื่อตัวเองบ้าง และระหว่างการประกวดก็ตั้งใจ แม้จะมีพื้นฐานในด้านการเดินแบบ การพูดในที่สาธารณะ การเต้น และการแสดงอยู่แล้ว ก็ยังพยายามพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ ตรงนี้เป็นอีกประสบการณ์ชีวิตที่มีค่ามาก

“จริงๆ นารายอมรับว่าคาดหวังมาก เพราะเชื่อว่าทุกคนที่มาถึงจุดนี้ก็มีความหวังที่จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทย และคว้าสายสะพายประเทศไทยไปประกวดในเวที Miss Universe อยู่แล้ว ความหวังนี้ทำให้นาราทุ่มเทในทุกๆ กิจกรรมและชาเลนจ์อย่างเต็มที่.. แน่นอนว่า มงกุฎคือสัญลักษณ์ของความสำเร็จในการเลือกตัวแทน แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ การเข้าร่วมกิจกรรมและการเตรียมตัวเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก นาราทำเต็มที่ในทุกๆ วัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นาราเชื่อว่าทุกความพยายามจะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จ แต่ถ้าไม่ได้ตำแหน่ง แน่นอนว่าเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกเสียใจ แต่สำหรับนารา นาราเชื่อว่าตัวเองชนะตั้งแต่วันที่ตัดสินใจมาทำตามความฝันแล้ว เพราะนาราสามารถก้าวข้ามความกลัวและเดินตามฝันอีกครั้ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือผลกำไรจากการทุ่มเทอย่างเต็มที่ นาราเชื่อว่าทุกคนเห็นในศักยภาพของนาราผ่านแต่ละชาเลนจ์ตลอดระยะเวลาการเก็บตัว

ต้องขอขอบคุณคำชมและกำลังใจจากพี่ๆ สื่อและ Pages ต่างๆ ที่เห็นคุณค่าและศักยภาพในตัวนารา คำติชมต่างๆ นาราก็ยินดีรับเพื่อนำไปพัฒนาตัวเองต่อไปค่ะ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง นาราภูมิใจที่ตัวเองทำอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน และขอบคุณประสบการณ์ครั้งนี้อย่างมาก มันเป็นความทรงจำที่มีค่ามากๆ และนาราเชื่อว่ามันจะเป็นแรงผลักดันให้คนอื่นๆ ในการตามหาความฝันของพวกเขาเช่นกัน”