หลังจากที่ หมอสอง นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ศัลยแพทย์ชื่อดังของเมืองไทย และ ออน สมฤทัย สางชัยภูมิ ติ๊กต็อกเกอร์ชื่อดังเจ้าของวลีฮิต Thank you kateyki เข้ารับน้ำสังข์พระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 พร้อมจดทะเบียนสมรสเป็นสามี-ภรรยาถูกต้องตามกฎหมายไปแล้วนั้น ล่าสุดในวันนี้ (15 กุมภาพันธ์) คู่บ่าวสาวได้จัดพิธีฉลองสมรสพระราชทาน ณ แกลเลอรี่ 1 ชั้น 4 โรงแรมเดอะริทช์-คาร์ลตัน วัน แบงค็อก ซึ่งหลังจากที่ทั้งคู่ทำพิธีในช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อย หมอสองและน้องออนก็ได้ควงกันมาเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า พิธีเมื่อเช้าเป็นยังไงบ้าง? ออน: "เมื่อเช้าคือเราไม่เคยเห็นงานเช้ามาก่อนเลย แล้วมาเห็นครั้งแรกในงานหมั้นของตัวเอง แล้วก็แอบอยากรู้สึกว่าเขาทำอะไรกันอยู่ เราต้องอยู่ในนี้ เราก็เลยขอออกไปดูได้ไหม เขาก็ไม่ให้ดู ก็ตื่นเต้นมากแล้วก็แอบมีร้องไห้นิดนึงแต่รีบกลั้นก่อน" โมเมนต์ตอนนั้นเป็นยังไงบ้างสำหรับเรา? ออน: "คือ พอมีญาติ เรารู้สึกว่าเราเห็นหน้าเขา แล้วเขามีความสุขกันหมดเลย ญาติทั้งสองฝั่ง เขาก็รู้สึกแฮปปี้มาก เขาก็คงภูมิใจในตัวเราที่เรามีวันนี้ เราก็ดีใจเหมือนกัน" หมอสอง: อย่างแรกก็ต้องขอบคุณทุกท่านเลยที่ให้เกียรติมาในวันนี้ งานเมื่อเช้าผ่านไปได้ด้วยดีแล้วก็สนุกมาก เพราะว่าเรามีญาติๆ หลายท่านมาจากต่างจังหวัด ก็อุตส่าห์มา แล้วก็ได้มาเจอกัน เป็นการรวมตัวญาติ งานเช้าจะมีแต่ญาติเท่านั้น เดี๋ยวงานเย็นก็เรียนเชิญแขกมาร่วมสนุกกัน มีเซอร์ไพรส์หลายอย่างเลย วันนี้เมื่อเช้าก็มีน้ำตาซึมนิดๆ คุณแม่ก็เข้ามาอวยพรกอดน้องออน กอดผม แล้วก็คุณแม่ก็เสียงสั่นๆนิดนึงและก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่ค่อยได้ ก็เริ่มมีคลอๆ น้ำตาซึมนิดนึง ก็ซึ้งครับ ทุกญาติผู้ใหญ่ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อน้องออน แล้วก็คุณแม่ผมก็พูดอวยพร ก่อนจะมางาน เราก็รู้สึกว่าคงไม่เป็นไรหรอก พอมานั่งตรงนี้จริงๆ แล้ว พอเขาพูดจริงๆ ความรู้สึกเรามันตื้นตันแล้วมันรู้สึกมีความสุข แล้วเขาก็อวยพรให้เรามีความสุข ก็แฮปปี้มากครับ" พ่อแม่อวยพรว่ายังไงบ้าง? ออน: "เขาจะพูดน้อย แต่คุณพ่อก็จะบอกว่าให้เกียรติกัน ให้อภัยกัน แล้วก็เคารพกัน ก็คงอยากให้เราอยู่ด้วยกันได้แบบยาวๆ ก็อยากให้เคารพและรักกันไปเรื่อยๆ ซื่อสัตย์ต่อกัน" หมอสอง: คุณแม่ก็บอกว่ารักเราทั้งสองคน คุณพ่อน้องออนก็บอกว่าให้เกียรติกัน อยู่ด้วยกันให้เกียรติกันประมาณนั้น แล้วก็ญาติๆ ท่านอื่นก็ขอให้มีความสุขอยู่กันยืนยาวนานๆ แล้วก็มีลูกอะไรอย่างนี้" เรื่องสินสอดเป็นยังไงบ้าง อลังการ? หมอสอง: "จริงๆ ก็ไม่อยากไปเน้นตรงนั้นมาก เราก็เป็นเรื่องมงคล ก็อาจจะมอบแหวนให้น้องออน น่าจะเป็นเรื่องการสื่อแทนความรักมากที่สุด แล้วก็มีต่างหูที่น้องใส่อยู่ แหวนก็ประมาณ 5 กะรัต ต่างหูประมาณ 4 กะรัตครับ รวมเป็น 9 เป็นเลขมงคล" คำมั่นสัญญาให้กันว่ายังไงบ้าง? หมอสอง: "จริงๆ เราไม่ค่อยสัญญาอะไรกัน เหมือนกับว่าเราเป็นอยู่ทุกวันนี้ มันก็มีความสุขแล้ว แล้วเราก็ทำทุกวันให้มันดีที่สุดต่อไป และก็พยายามรักษาความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ก็คือให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เราอยู่กันอย่างนี้เราก็มีความสุข เราก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติแบบนี้ ไม่ได้คาดหวังมากมายและเราก็ไม่ได้สัญญาอะไรกันก็อยู่กันไปเรื่อยๆ" น้องออนอยากจะบอกอะไรไหม? ออน: "ก็รู้สึกว่าทุกวันนี้สำหรับตัวน้องออน คือรู้สึกว่ามันดีมากอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรในอนาคต แค่รู้สึกว่าอยากทำให้มันดีที่สุดในทุกๆวัน" หมอสองประทับใจอะไรในตัวน้องออน? หมอสอง: "แน่นอนเขาสวย หุ่นดี น่ารัก อยู่ด้วยแล้วสดชื่น อันนี้คือด่านแรกที่เราเจอเขา เราเห็นปุ๊บก็น่ารัก แล้วพอเริ่มแรกผมก็ลองจีบ ลองคุยก่อน เป็นยังไง นิสัยเข้ากันได้ไหม แล้วก็ค่อยเรียนรู้กัน แล้วยิ่งได้เรียนรู้กันก็ยิ่งรู้สึกว่าเคมีมันตรงกัน เรามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายๆ กัน เช่นเขาก็เป็นคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ชอบธรรมะ ชอบบริจาค ก็จะมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายๆกัน พอคุยกันไปปุ๊บต่างคนก็ต่างจูนกัน มันก็เลยค่อยๆ เข้ากันได้ แล้วผมก็มีความรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กก็จริง แต่เขามีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาก็ขยันพัฒนาตัวเองอยู่เสมอตลอดเวลา ก็เหมือนเราก็เป็นคนที่ชอบพัฒนาตัวเองตั้งแต่เด็ก พอมาเจอน้องเขา มันก็เหมือนความคิด ทัศนคติค่อนข้างที่จะตรงกัน" แล้วน้องออนประทับใจอะไรในตัวหมอสองบ้าง? ออน: "ต้องบอกว่าตอนแรกเราก็แอบกลัวนิดนึง แต่พออยู่ไปๆ มาๆ คือรู้สึกว่าทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติดีค่ะ และเราได้รู้จักเขายิ่งๆ ขึ้นไป คือเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่ใจเย็นแล้วก็ให้คำปรึกษาเราได้ มีความเป็นผู้ใหญ่ ที่สำคัญคือทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น พัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆ ซึ่งหลายๆ อย่างเราก็เอามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราในการทำงานหรือการใช้ชีวิต มุมมองในการใช้ชีวิตต่างๆ ก็ได้เรียนรู้จากพี่สองมาเยอะอยู่ ทำให้เราแบบโอเคเราก็เป็นคนชอบพัฒนาแล้ว ก็เลยอยากพัฒนาไปเรื่อยๆ เราเลยรู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วหวังดีกับเราจริงๆ เขาไม่ได้คิดว่าการสอนเราแบบนี้ ทำให้มันไม่ได้มีอะไรแย่ มันคือเรื่องที่ดีที่คอยสอนและคอยบอกว่าอะไรประสบการณ์ของเขามากกว่า" หมอสอง: "ก็เหมือนน้องเขาก็ยังเด็ก แล้วเขาก็กำลังพัฒนาตัวเขาเอง อันไหนที่เรามีประสบการณ์มากกว่า เราก็ค่อยๆ ถ่ายทอดค่อยๆ ปรึกษาหารือกัน คือบางอย่างผมก็ปรึกษาเขาเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง บางอย่างผมก็ขอความคิดเห็นจากเขาว่าพี่ทำอย่างนี้ดีไหม ต่างคนต่างปรึกษากัน แต่เราก็อาจจะได้เป็นคนที่มีประสบการณ์มากกว่าก็จะช่วยเรื่องงานของเขา เรื่องของเวลา เขามีปัญหาอะไรมา ปรึกษาเราก็จะให้คำแนะนำเขา" ย้อนเล่าโมเมนต์ขอแต่งงานหน่อย? หมอสอง: "ซีนนั้นหนาวมาก เรียกว่าผมเที่ยวมาทั่วโลก เที่ยวมาเกือบครบโลกแล้วขาดอีกประเทศเดียว นั่นก็คือเกาหลีเหนือ ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังจะเปิดแล้ว เดี๋ยวเกาหลีหนีเหนือเปิดก็คงไป เพราะว่ามันเป็นประเทศที่ไปเที่ยวได้ วันนั้นก็คือเป็นทริปครอบครัว ก็คือมีครอบครัวผมไปค่อนข้างครบเลย ผมก็ตั้งใจจะขอแต่งงานมานานแล้ว ผมเชื่อว่าน้องเขาก็แอบๆ รู้ว่า เอ๊ะเราจะขอแต่งงานหรือเปล่า เขาก็ชอบมาแซวเล่นประมาณว่า เอ๊ะต้องทำเล็บไหมนะ" ออน: "คือพี่สองเขาเป็นคนที่แพลนอยู่แล้ว เขาก็จะมีบอกเราว่าสเต๊ปถัดไปคือเริ่มจริงจังมากขึ้นแล้วนะ สเต๊ปถัดไปวางแผนว่ายังไงอะไรอย่างนี้ เราก็เลยรู้สึกว่ามันต้องทริปไหนทริปนึง" หมอสอง: "ก่อนหน้านั้นเราก็ไปออสเตรเลียกัน ติดๆ กันก็ไปนิวซีแลนด์ ซึ่งทริปนั้นผมก็แพลนไว้ว่าก็จะพยายามไม่ให้เขารู้ แล้วก็เตรียมตัวไปแล้วก็คิดว่าตรงไหนที่เหมาะที่สุด ผมก็นึกถึงว่ามันต้องเป็นยอดเขาเพราะนิวซีแลนด์ยอดเขามันสวย แล้วก็นึกถึงภาพที่มียอดเขาและมีหิมะปกคลุม เราอยากขึ้นไปแต่ก็คิดว่าจะขึ้นไปยังไง เราก็ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไป น้องออนบอกว่าน้องออนไม่เคยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ผมก็เลยคิดว่าอันนี้เป็นโอกาสที่ดี น้องออนจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ด้วย เราก็ไปเช่าเฮลิคอปเตอร์เหมาลำ 2 ลำ แล้วก็มีญาติไปกันประมาณ 8 คน ก็นั่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไป ทำเป็นบอกเขาว่าเดี๋ยวเราจะขึ้นไปชมวิวยอดเขา ที่ Queenstown New Zealand แล้วพอขึ้นไปเสร็จปุ๊บ เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลงใกล้ยอดเขา ตรงนั้นยอดเขาสวยมาก แล้วก็ลงไปจอด แล้วทุกคนก็ลงไป ก็นึกว่าลงไปถ่ายรูปเฉยๆ แต่จริงๆ ผมเตรียมไว้หมดละ ผมให้เขาเตรียมแชมเปญใส่หลังเฮลิคอปเตอร์ไป แล้วก็มีช่อดอกไม้อยู่หลังเฮลิคอปเตอร์ซ่อนใส่ลังไป พอลงไปปุ๊บ ก็ทำเป็นค่อยๆ จูงเขาไป แต่หิมะคือหนามาก เดินเข้าไปเหยียบจะล้ม ถ้าไปย้อนดูในคลิปเสียงจะสั่น ซึ่งเราก็คิดว่าคงไม่มีฟิลลิ่งอะไรหรอก ก็คงทำให้เสร็จ แต่พอไปถึงตรงนั้นจริงๆ ความรู้สึกเหมือนตื้นตัน มันเหมือนจุกอก มันถึงเวลาที่ต้องพูดจริงๆ แล้วมันเป็นโอกาสที่สำคัญ ก็บอกน้องตอนนั้น ซึ่งเราก็เสียงสั่นนิดนึงเหมือนในคลิป แล้วก็บอกน้องว่าเรามาทำอะไรกันตรงนี้ ก็เป็นโอกาสที่ดีมาก แล้วก็ขอเขาแต่งงานท่ามกลางญาติๆ แล้วก็กัปตันเครื่องบินก็น่ารักมาก เขาก็ทำตามแผนทุกอย่าง เขาก็ค่อยๆ เอาแชมเปญมา เอาดอกไม้มาตามซีนที่ต้องการเป๊ะเลย" น้องออนรู้อยู่แล้วไหม? ออน: "ไม่ทริปไหนก็ทริปหนึ่ง เราก็พยายามทำตัวน่ารักทุกที แต่ว่าหลังๆ มาก็คือทำเล็บทุกทริปเลย แล้วเขาก็ดูภูมิใจมาก เพราะว่าเขามาเล่าให้เราฟังหลังจากวันนั้น เย็นวันนั้นเขาก็มาเล่าให้เราฟังว่า พี่ทำเป็นไงบ้าง ชอบไหม แบบรีวิว" หมอสอง: "ซึ่งเราก็อยากให้เขาประทับใจอยากให้เป็นโมเมนต์หนึ่งที่ประทับใจจริงๆ ก็ได้อย่างที่หวังครับ" หมอสอง: "จริงๆ วันนี้เป็นวันที่เราเรียกว่าวันฉลองมงคลสมรสพระราชทาน ซึ่งจริงๆ เราได้จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้วแล้วในวันที่ 10 ธันวาคม ก็ได้เข้ารับพระราชทานน้ำสังข์เป็นพระกรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดไม่ได้ที่เราทั้งสองคนได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมกับครอบครัวเราทั้งสองฝ่าย เป็นความปลาบปลื้มแบบไม่คาดฝันจริงๆ แล้วเราก็รู้สึกภูมิใจและก็เป็นเกียรติกับตัวเราทั้งสองคนและวงศ์ตระกูลมากๆ ซึ่งก็ได้เข้ารับพระราชทานน้ำสังข์ในวันนั้นวันเดียวกันและก็ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งอันนั้นก็ถือว่าเป็นวันที่เราแต่งงานกันแล้ว วันนี้ก็จะเป็นวันที่เรามาฉลองมงคลสมรสพระราชทาน" หลังจากนี้แพลนมีน้องเลยไหม? หมอสอง: "ช่วงก่อนที่เราไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่อเมริกากัน ก็มีคนแซวน้องเยอะ ไม่ใช่นะครับ ลองดูวันนี้ท้องยังแฟ๊บอยู่ ก็หลังจากนี้แล้วก็แพลนจะมีน้องกัน ก็ตั้งใจไว้อยู่แล้ว แล้วก็คุยกันมาเรื่อยๆ ว่าแต่งแล้วจะมีน้องกัน พอหลังจากแต่งงานก็แพลนจะเริ่มมีน้องกันเลย" ธรรมชาติหรือวิทยาศาสตร์? หมอสอง: "ก็อาจจะใช้วิทยาศาสตร์ช่วยหน่อย" แพลนฮันนีมูนล่ะ? หมอสอง: "เพิ่งจองกันเลยเมื่อวาน ทีแรกก็คือเราไม่กล้าแพลนฮันนีมูน เพราะว่าเราแพลนจะมีน้อง แล้วพอถ้ามีน้องบางทีคุณหมอก็อาจจะห้าม แต่ปรากฏว่ามาเช็กตารางกับคุณหมอ เรามีแก๊ปว่างเราก็เลยแพลนทริปด่วน ไปฮันนีมูนกัน ก็คิดว่าน่าจะไปที่ แอฟริกาใต้ เราอยากไปดูสัตว์กัน น้องยังไม่เคยดูสัตว์ใช่ไหม" ออน: "เคยดูแต่ในสวนสัตว์ แต่อันนี้จะเป็นแบบอยู่ในป่า" หมอสอง: "ผมก็รู้สึกว่า ด้วยความที่เราเหมือนกันเลย ชอบสัตว์เลี้ยง ชอบอะไรน่ารักๆ เหมือนกัน ที่บ้านก็เลี้ยงสัตว์เยอะ แล้วก็ชอบดูสัตว์ ก็เลยอยากพาน้องเขาไปดูสัตว์จริงๆ ในป่าจริงๆ ที่ประเทศแอฟริกาใต้ แล้วก็ไปเที่ยว Cape Town, Johannesburg อะไรอย่างนี้ คือผมเคยไปหมดแหละ แต่ผมก็อยากพาน้องไปดูอะไรที่มันแปลกๆ สวยๆ ที่มันอยู่ในธรรมชาติ ก็แพลนหลังจากแต่งงาน ก็อาจจะสักอาทิตย์นึง ก็แพลนจะเดินทางไปเที่ยวกันต่อ น่าจะประมาณวันที่ 18 แล้วก็กลับมาก็ไปหาคุณหมอเตรียมมีน้องต่อ" แพลนมีแฝดไหม? หมอสอง : "ก็เดี๋ยวลองปรึกษาคุณหมอในเรื่องรายละเอียดก่อนว่าแบบไหนดีกว่า ยังไงดีกับสุขภาพเรา หรือว่าเอ๊ะมันอาจจะต้องพิจารณาอะไรหลายๆ อย่างก็ต้องลองดูสุขภาพอะไรให้พร้อม เพราะสมัยนี้คนก็เหมือนมีลูกกันยากขึ้น มันก็ต้องให้คุณหมอ ช่วย" ออน: แต่คุณหมอบอกว่าของเราโอเค แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจอีกที เพราะว่าแฝดเขาค่อนข้างที่จะใหญ่ ก็ต้องวางแผน เพราะว่าช่วงท้ายๆ คุณหมอบอกว่าอาจจะต้องไปไหนไม่ได้เลย แล้วก็ต้องคิดนิดนึงว่า แบบไหนดี" ตั้งใจแพลนกันไว้กี่คน? หมอสอง: "ในเบื้องต้นเราอยากมี 2 คนก่อน เราไม่อยากมีลูกคนเดียว เราอยากมี2 คน แต่พอสมมุติถ้าเรามี 2 คนปุ๊บ เราก็ค่อยดูอนาคตว่า เราอยากมีอีกไหมถ้าอยากมีอีกก็อาจจะมีอีก แต่คิดว่าไม่น่าจะเกิน 4 คนหรือยังไง ในเบื้องต้นดู 2 คนก่อนว่าเราเหนื่อยแค่ไหน เพราะว่าการเลี้ยงเบบี๋มันก็ไม่ง่าย" ออน: "อยากเล่นด้วยแล้วอ่ะ จะน่ารักไหม อยากได้แบบดื้อๆ" น้องออนยังจะทำงานเป็นติ๊กต็อกเกอร์อย่างนี้อยู่ไหม หรือว่าจะเบรกแล้ว? หมอสอง: "ก็แล้วแต่เขา" ออน: "เบรกไม่ได้ เพราะเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งเลย เป็นคนหาทำอะไรตลอดเวลาจริงๆ อะไรก็ได้" น้องออนเป็นติ๊กต็อกเกอร์ชื่อดังแล้ว? หมอสอง: "จะบอกว่าเซอร์ไพรส์มากไม่ว่าจะไปประเทศไหน ไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา ตามสนามบินก็ตาม ทุกคนจะเข้ามาทัก มาขอถ่ายรูปเขา ซึ่งผมงงมากว่าทำไมคนต่างประเทศเขาถึงรู้จัก คือฝรั่งเดินอยู่ Santa Monica ที่ LA คนเดินเข้ามาขอถ่ายรูป ฝรั่งเข้ามา เราก็เอ้า ทำไมเขาจำเราได้ คืองงมาก" ออน: เขาจะขอให้เราพูด ประโยค thank you kateyki แล้วเขาก็จะแบบฟินเลย คือเขาอยากได้ยินจริงๆ อะไรอย่างนี้ค่ะ" หมอสองรับมือกับความดังยังไง? หมอสอง: "ทีแรกก็งงไม่คิดว่าจะขนาดนี้ จนพอได้ไปต่างประเทศเราก็รู้ว่า อย่างเมื่อก่อนเวลาเราอยู่ไหนในประเทศไทย คนอาจจะรู้จักเรามากกว่าน้องออนในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้คือไม่มีใครสนใจเราเลย ไปไหนมีแต่คนขอถ่ายรูปน้องออน ไม่มีใครถ่ายรูปผมเลย แล้วก็เวลาไปต่างประเทศยิ่งหนัก เวลาไปไหนคนก็จำได้ เขาก็จะถามคุณใช่คนนี้หรือเปล่า บางคนดูปุ๊บเขายังจำได้ ขนาดบางทีน้องออนไม่ได้แต่งหน้า อะไรเลย เหมือนในคลิปน้องจะแต่งหน้าตลอด แต่ไม่แต่งหน้าเขาก็ยังจำได้" ออน: "เหมือนตอนที่ไปมาเลเซียที่เขาวิ่งตาม เหมือนเห็นคนบอกว่าเขามีกรุ๊ปกันแล้วแบบส่งไป แล้วคนก็วิ่งๆๆตามกันมา มันแฮปปี้ เพราะเป็นฟีลนั้น เราก็แบบ อุ๊ย แฟนคลับน่ารักมาก มันเหมือนเติมพลังให้เรา เนาะ" หมอสอง: "ใช่ เขาน่ารักกันมาก เขาก็จะเข้ามาทักทายแล้วก็ขอถ่ายรูป เราก็รู้สึกยินดีมากที่เขามาชื่นชอบและเราก็อยากให้ช่วยติดตามคลิปของน้อง ช่วยติดตามน้องไปเรื่อยๆ แบบนี้ครับ เพราะว่ามันเหมือนเติมพลังให้เรา" ออน: "เหมือนอยากทำให้คนแบบยิ่งดูแล้วยิ่งสะใจ ดูแล้วยิ่งสนุกไปเรื่อยๆ อะไรอย่างนี้ก็เลยแบบเอามีมมาทำ thank you kateyki song ไปเลยค่ะ" แต่งงานแล้วคุณเทกี้จะเปลี่ยนไปไหมในคลิป? "ก็รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ติดตามไปเรื่อยๆค่ะ ก็อาจจะมีครีเอตอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าการทำคลิปของเราวันหนึ่งอรทำคลิปหลายคลิปมากเลย แต่รู้สึกว่าไม่เหนื่อยเลย มันมีความสุข เพราะว่าพอถ่ายคลิปมันเหมือนเป็นการกลั้นขำกันสุดๆ แล้วพอเวลาถ่ายเสร็จปุ๊บ ทุกคนขำกันลั่นเลย มันเหมือนมาแฮปปี้ด้วยกัน.มันไม่ได้แบบมาทำงานอะไรอย่างนี้" หมอสอง: "เขาก็เหมือนมีความสุข เวลาเขาทำอย่างนี้ปุ๊บ เขาอยากจะเสิร์ฟออนเสิร์ฟ เขาบอกว่าเวลาทำ เขานึกถึงคนดู เขาอยากให้คนดูมีความสุข ลั้นลา ฮาไปกับเขาอะไรอย่างนี้ ตลกๆ เขาก็จะมีความสุขตรงนี้ที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เขาก็จะชอบ ก็สนุกดีครับ เห็นบางทีเขาถ่ายคลิปกันไม่มีบทพูด ไปได้เลยสดๆ แต่งขึ้นมาเอง"