หลังมีข่าวซุบซิบดาราออกมาว่า "นางเอกซุปตาร์ เลิกสามีไปคบดาราหนุ่มสายพญานาค ก่อนจะเลิกกันไปคบพระเอกก้ามปูสายมู" ซึ่งทำให้คนโยงว่าเป็น เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับ เอ พศิน เรืองวุฒิ และ อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ กันจำนวนมาก จนกระทั่ง “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” ก็พูดกลางรายการแฉว่าทั้ง “เจนี่ - อั้ม - เอ” ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ล่าสุด 2 ธ.ค 67 เอ พศิน ก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า "เรื่องนี้มันโยงมาถึงเราโดยที่ไม่ใช่แบบตัวย่อแล้ว มันคือการไดเร็คถึงเราเลย ผมขออนุญาตเล่าถึงว่าที่เพื่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันเลย คือสองท่านนี้(เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ-อั้ม อธิชาติ) เขามีความศรัทธาในปู่พญานาคมานานแล้ว อย่างเจนี่ผมทราบจากลูกน้องเขาว่าไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินไข่ ไม่กินนม ทุกอย่างที่เขาทำเพื่อถวายปู่พญานาค เขาเคยรถคว่ำแล้วรอดเพราะนึกถึงปู่พญานาค เจนี่รู้จักกันเพราะศรัทธาใน หลวงปู่ศิลา เขาส่งข้อความมาหาผม เพราะเขาเห็นคลิปเรื่องอดีตชาติของผม ซึ่งที่จริง ตัวเขาก็มีเหมือนกัน แต่ให้เขาออกมาพูดเองดีกว่า เรื่องทำรายการ เขาสนใจที่จะทำ มีการมาปรึกษากัน โดยมีอั้มรู้เรื่องนี้ด้วย เพราะอั้มเขาตัวพ่อเรื่องนั่งสมาธิ แต่ผมกับเจนี่น่าจะอยู่เบื้องหลัง ถามว่าเราอกหักจากเขาไหมผมไม่ได้อกหัก เพราะผมไม่ได้คิดหวังสิ่งนั้น ผมหวังว่า เราจะเป็นเพื่อนกันอีกยาวไกล ความรู้สึกเกินเลยมันต้องสองคนไหม ผมบอกเลยว่าสันดายผู้ชายมันพร้อมจะเกินเลย ถ้าเขามีการตอบรับ แต่เขามองเราเป็นพี่ชาย เห็นเจนี่ดูเฟียสๆ แต่จริงๆ ข้างในเจนี่อ่อนไหวมาก เป็นคนที่แคร์ทุกอย่าง เจนี่อ่านคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์ แคร์ทุกคนที่คอมเมนต์ เลยไม่อยากมีตัวเองในสื่อ ในฐานะที่ตนเป็นรุ่นพี่เลยแนะนำว่าเราทำงานแบบนี้ไม่มีไม่ได้ เราอยากจะล้างโซเชียลให้สะอาด แต่โลกความจริงไม่ได้สวยงามขนาดนั้น อะไรที่เป็นความจริงก็ให้ลูกรู้ไปเลยดีกว่า ลูกจะได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริงดีกว่ามารู้ตอนโต เขาจะรู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกว่าโลกนี้มันสวยงาม ฉะนั้นเด็กต้องปรับตัว ทัศนคติที่ตนแนะนำไปส่งผลให้เจนี่มีความกล้า ส่วนข่าวเม้าท์หลุดจากวงในข่าวที่ออกไป ผมเชื่อว่า เกิดจากคนใกล้ตัวเพราะเรื่องที่จะทำรายการมีคนรู้แค่ไม่กี่คน ผม เจนี่ และอั้ม รวมถึงคนในบริษัทเจนี่ เพราะต้องมีการนำไปเสนอกับทางช่องทีวี ถ้าคนรู้เยอะจะรายการจะไม่สดใหม่อย่างที่รู้กัน เคยพยายามจีบไหม ยังไม่พยายามครับ เขาเพิ่งมีข่าวเลิกกับแฟน ถ้าจะจีบต้องรอ 1 ปีไหม ตอนนั้นผมอาจจะหมดพลังไปแล้ว แต่เขามีความเป็นแมนสูงมาก แต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เพราะเรามีลูกเหมือนกัน เราไม่เคยสนิทกับเขา เพราะเขาระวังตัวมาก เราคุยกัน แต่คุยกันนี่คือเป็นเพื่อน เพราะผมยึดเขาเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน (ถ้าเจนี่เปิดใจ?)ผมเชื่อว่าไม่เปิดผู้หญิงคนนี้จิตใจเหมือนเพชร อย่างวันนี้ ผมก็ต้องออกไปจากวงโคจรชีวิตของเขา ตอนนี้ผมถอยออกมาแล้วครับ อยู่ที่เดิมพอมีข่าวนี้ออกมาไม่คุยกันผมก็เป็นอินโทรเวิร์ต ผมคือคนๆ หนึ่ง เป็นพี่ชาย มองเขาเป็นแค่นักแสดงรุ่นน้อง ไม่ได้มองเจนี่เป็นซูเปอร์สตาร์ ไม่ได้มองเขาที่ความสำเร็จ เพราะฉะนั้นความห่วงใยมันก็คือพี่ชาย รู้จักกันกับเจนี่ 3 เดือน มันเป็นโปรเจ็กต์ของการทำเหรียญ แต่ว่าจะก้าวไปเพื่อทำรายการ ผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเมื่อมันออกมาในรูปแบบนี้ คนที่เขาห่วงใยอาจจะทำให้เกิดข่าวขึ้นมาผมจะขออนุญาตไม่ร่วมด้วย เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่าอย่างวันหนึ่ง ตน เจนี่ อั้ม มานั่งแถลงข่าว จะกลายเป็นใช้สื่อเพื่อทำเป็นไวรัลให้คนสนใจ ต้องรับผิดชอบด้วยการไม่ร่วมดีกว่า